รมว. แรงงาน “พิพัฒน์” มอบเลขาฯอารี รับแรงงานไทย 17 รายจากอิสราเอล หลังได้รับการปล่อยตัวอย่างปลอดภัย

รมว. แรงงาน “พิพัฒน์” มอบเลขาฯอารี รับแรงงานไทย 17 รายจากอิสราเอล หลังได้รับการปล่อยตัวอย่างปลอดภัย

 

วันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มอบหมายให้นายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยนายนันทชัย ปัญญาสุรฤทธิ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน และคณะผู้บริหารกระทรวงแรงงาน รับพี่น้องแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันและได้รับการปล่อยตัวอย่างปลอดภัยจำนวน 17 ราย กลับสู่ประเทศไทย ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จังหวัดสมุทรปราการ

โดยนายอารี ไกรนรา เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ในวันนี้ท่านพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้มอบหมายให้ผมพร้อมด้วย ท่านผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน และผู้บริหารระดับสูงจากทุกหน่วยงานในสังกัดของกระทรวงแรงงาน เป็นผู้แทนของกระทรวงแรงงานในการมาร่วมรับพี่น้องแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันและได้รับการปล่อยตัวอย่างปลอดภัย ซึ่งเดินทางกลับจากอิสราเอล จำนวน 17 ราย ด้วยเที่ยวบินที่ LY081 ถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเวลา 15.12 น.ในวันนี้ โดยมาพร้อมกับคณะของนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และ นายสมาสภ์ ปัทมะสุคนธ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงแรงงาน ซึ่งได้เดินทางไปเยี่ยมแรงงานไทยในอิสราเอลตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 ที่ผ่านมา


และผม ในฐานะผู้แทนของท่านพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน และกระทรวงแรงงาน ขอแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่งกับครอบครัวของพี่น้องแรงงานไทยทุกคนที่ได้รับการปล่อยตัวจากสถานการณ์ความไม่สงบในอิสราเอลในครั้งนี้ รวมถึงขอขอบคุณทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่ได้มีบทบาทสำคัญในการเจรจาทำให้ได้มีการปล่อยตัวประกันแรงงานไทยอย่างปลอดภัย ซึ่งในวันนี้มีพี่น้องแรงงานไทยเดินทางกลับมาจำนวน 17 ราย จากพี่น้องแรงงานไทยที่ได้รับการปล่อยตัวอย่างปลอดภัยแล้วทั้งหมด 19 ราย โดยในวันนี้ผมยังเป็นผู้แทนของกระทรวงแรงงานมอบเงินสด ซึ่งได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือมาจากสมาคมการจัดหางานไทยไปต่างประเทศ เพื่อช่วยเหลือแรงงานไทยในเบื้องต้น รายละ 10,000 บาท ด้วย


อีกทั้งกล่าวเพิ่มเติมว่าขอให้ญาติของแรงงานมั่นใจได้ว่ารัฐบาลไทย กระทรวงแรงงาน และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พวกเราจะพยายามอย่างเต็มที่ ในการดำเนินการประสานทุกฝ่าย เพื่อเร่งช่วยเหลือให้พี่น้องแรงงานไทยที่เหลือทั้งหมดให้ได้รับการปล่อยตัวและเดินทางกลับประเทศไทยเพื่อพบครอบครัวในเวลาที่รวดเร็วที่สุด และ ด้านสิทธิประโยชน์อันพึงได้รับของแรงงานไทยที่ถูกจับกุมตัวนั้น ในส่วนของประเทศไทย แรงงานไทยจะได้รับสิทธิประโยชน์ จากกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ โดยแรงงานไทยที่เป็นสมาชิกกองทุนฯ จะได้รับเงินสงเคราะห์กรณีภัยสงคราม รายละ 15,000 บาท หากแรงงานไทยดังกล่าวประสบปัญหาด้านร่างกายหรือจิตใจ จะได้รับเงินสงเคราะห์ รายละ 30,000 บาทโดยต้องได้รับการประเมินจากแพทย์ (ใบรับรองแพทย์) ซึ่งจากการตรวจสอบ แรงงานไทย จำนวน 17 ราย พบว่า เป็นสมาชิกที่อยู่ในความคุ้มครองของกองทุนฯ จำนวน 14 ราย และสิ้นสุดความคุ้มครอง จำนวน 3 ราย

ในส่วนของสิทธิประโยชน์จากอิสราเอลนั้น กระทรวงแรงงานได้รับการประสานว่า ผู้ถูกจับกุมตัวทุกรายจะได้รับเงินช่วยเหลือ ก้อนแรกเป็นเงิน จำนวน 100,000 บาท รวมถึงช่วง 6 เดือนแรก จะได้รับเงินคิดเป็นเงินไทยประมาณเดือนละ 60,000 บาท

ทั้งนี้ หากแรงงานไทยได้รับการประเมินจากแพทย์ ว่าได้รับผลกระทบด้านร่างกาย หรือจิตใจ สามารถนำใบรับรองแพทย์ไปยื่นกับสำนักงานประกันสังคมอิสราเอลเพื่อประเมินขอรับเงินช่วยเหลือได้โดยแต่ละรายจะได้รับเงินไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับการประเมินของสำนักงานประกันสังคมอิสราเอล

สำหรับค่าชดเชยอื่นๆ ของสำนักงานประกันสังคมอิสราเอล แรงงานไทยทั้ง 17 ราย ได้กรอกข้อมูลและยื่นคำร้องเรียบร้อยแล้ว โดยสำนักงานประกันสังคมอิสราเอล จะส่งให้สถานเอกอัครราชทูตอิสราเอล ประจำประเทศไทย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

และในส่วนเงินค่าจ้างค้างจ่ายและเงินชดเชยกรณีถูกเลิกจ้าง (เงินปิซูอิม) นั้น อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) ประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ จะประสานนายจ้างเพื่อดำเนินการ จ่ายค่าจ้างส่วนที่ยังค้างจ่าย เงินชดเชยกรณีถูกเลิกจ้าง (ปิซูอิม)

ซึ่งรายชื่อแรงงานไทยในอิสราเอลที่เดินทางกลับ จำนวน 17 ราย มีดังนี้ 1) นางสาวณัฐฐาวรี มูลกัน ภูมิลำเนา จ.ขอนแก่น 2) นายสันติ บุญพร้อม ภูมิลำเนา จ.บุรีรัมย์ 3) นายบุญถม พันธ์ฆ้อง ภูมิลำเนา จ.อุดรธานี 4) นายมงคล ผจวบบุญ ภูมิลำเนา จ.ศรีษะเกษ 5) นายวิทูรย์ ภูมี ภูมิลำเนา จ.หนองบัวลำภู6) นายวิชัย กาละปัตย์ ภูมิลำเนา จ.อุบลราชธานี 7) นายบัญชา กองมณี ภูมิลำเนา จ.มหาสารคาม 8) นายบุดดี แสงบุญ ภูมิลำเนา จ.นครพนม 9) นายอุทัย ทุ่นศรี ภูมิลำเนา จ.เชียงราย 10) นายอุทัย แสงนวล ภูมิลำเนา จ.นครพนม 11) นายนัฐพร อ่อนแก้ว ภูมิลำเนา จ.นครพนม 12) นายคมกฤษ ชมบัว ภูมิลำเนา จ.สุรินทร์ 13) นายอนุชา อ่างแก้ว ภูมิลำเนา จ.อุดรธานี 14) นายมณี จิระชาติ ภูมิลำเนา จ.อุดรธานี 15)วิเชียร เต็มทอง ภูมิลำเนา จ.บุรีรัมย์ 16)นายสุรินทร์ เกสูงเนิน ภูมิลำเนา จ.อุบลราชธานี และ 17) นายพรสวรรค์ ปินะกาโล ภูมิลำเนา จ.นครราชสีมา

Related posts